Buddhadhamma Tepitaka Ambavanapeta
Buddhadhamma Tepitaka Ambavanapeta
popularity:0
  • Description

Buddhadhamma Tepitaka Ambavanapeta

ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก

เรื่อง อัมพวนเปรต

แม้เป็นผีก็มีจิตสำนึกที่จะใช้หนี้คืน

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภอัมพเปรต จึงตรัสเรื่องนี้เป็นต้นว่า อยญฺจ เต โปกฺขรณี สุรมฺมา ดังนี้

เล่ามาว่า ในกรุงสาวัตถี มีคฤหบดีเก่าคนหนึ่งเป็นผู้สิ้นเนื้อประดาตัวจากโภคสมบัติ อีกทั้งภริยาของเขาก็ตายลงไปหลังจากนั้น ยังมีธิดาคนเดียวเท่านั้นเหลืออยู่ แม้จะสิ้นทรัพย์ แต่เขาก็ไม่ท้อในชีวิต ดิ้นรนทำมาหากินเสมอ

วันหนึ่งเขาได้ให้ธิดานั้นไปอยู่เรือนมิตรของตน แล้วขอยืมเงิน ๑๐๐ กหาปณะจากเพื่อนอีกคน เอาเงินที่ยืมมา ๑๐๐ กหาปณะ ไปซื้อสิ่งของ บรรทุกเกวียนไปค้าขาย ไม่นานนักก็ได้เงิน ๕๐๐ กหาปณะอันเป็นกำไรพร้อมทั้งต้นทุน แล้วกลับมาพร้อมด้วยเกวียน

กรรมเขาไม่จบเพียงแค่นั้น ในระหว่างทางกลับบ้าน พวกโจรดักซุ่มปล้นหมู่เกวียน พวกหมู่เกวียนแตกกระจายหนีไป ฝ่ายคฤหบดีนั้นซ่อนกหาปณะไว้ที่กอไม้แห่งหนึ่งแล้ว แอบซ่อนตัวอยู่ในที่ไม่ไกลจากที่นั้น แต่แล้ว เขาก็ถูกพวกโจรจับได้ แล้วฆ่าฆ่าทิ้งเสีย ด้วยความเสียดายในทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก จิตของเขาผูกอยู่แต่ในทรัพย์นั้น เขาจึงบังเกิดเป็นเปรตในที่นั้นนั่นเอง เฝ้าสมบัติของตนอยู่

พวกพ่อค้าที่แตกกระจัดกระจายไป ส่วนหนึ่งก็ไปถึงกรุงสาวัตถี เล่าเรื่องนั้นให้ธิดาของเขาทราบ ธิดานั้นเกิดโทมนัสเสียใจอย่างยิ่ง ร้องห่มร้องไห้ร่ำไรอย่างหนัก เพราะความตายของบิดา และเพราะภัยแห่งเลี้ยงชีพ ซึ่งนางจะต้องลำบากอีกอย่างหนักหากไร้บิดาแล้ว

ลำดับนั้น กฎุมพีผู้เป็นสหายของบิดานั้น จึงกล่าวปลอบโยนนางว่า ธรรมดาว่า ภาชนะดินทั้งหมดมีความแตกไปเป็นที่สุดฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็มีการแตกไปในที่สุด ฉันนั้นเหมือนกัน ความตายย่อมทั่วไปแก่สรรพสัตว์เป็นธรรมดา และไม่มีอะไรที่จะต้านทานความตายนั้นได้ เพราะฉะนั้น เจ้าอย่าเศร้าโศก อย่าปริ-เทวะ ถึงบิดาไปนักเลย เราจะเป็นบิดาของเจ้า เจ้าจงเป็นธิดาของเรา เราจะทำหน้าที่แทนบิดาของเจ้า เจ้าอย่าเสียใจ จงยินดีอยู่ในเรือนนี้ ให้เหมือนเรือนบิดาของเจ้าเถิด

หญิงนั้นสงบความเศร้าโศกลงได้ ตามคำสั่งสอนของกฎุมพีนั้น เกิดความเคารพและความนับถือมากในกฎุมพีนั้นเหมือนบิดาแท้ๆของตน นางเป็นหญิงขยันหมั่นเพียรขวนขวายทำงานไม่หยุด ประพฤติเชื่อฟังตามกฎุมพีผู้เป็นบิดาบุญธรรมนั้น นางระลึกถึงพ่อผู้ให้กำเนิดเสมอ วันหนึ่งจึงปรารถนาจะทำบุญอุทิศให้บิดา จึงต้มข้าวยาคูแล้ว วางผลมะม่วงมีรสอร่อย สุกได้ที่เหมือนสีเหมือนมโนศิลา วางไว้ในถาดสัมฤทธิ์ ให้ทาสีถือเอาข้าวยาคู และผลมะม่วง ไปยังวิหาร ถวายบังคมพระศาสดา กราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงทำความอนุเคราะห์ ด้วยการรับทักษิณาของหม่อมฉันด้วยเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระมนัสยินดี ทรงทำมโนรถของนางให้เต็มเปี่ยม นางร่าเริงยินดี ได้ลาดผ้าอันบริสุทธิ์สะอาดที่ตนน้อมเข้าไปในบวรพุทธอาสน์ที่บรรจงจัดไว้ถวาย

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับนั่งบนอาสนะที่ปูแล้ว

ลำดับนั้น หญิงนั้นจึงน้อมข้าวยาคูเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับข้าวยาคูแล้ว นางได้ถวายข้าวยาคูแก่ภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย แล้วล้างมือ น้อมผลมะม่วงเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าอีก

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสวยผลมะม่วงเหล่านั้น นางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว กราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทักษิณาที่หม่อมฉันบำเพ็ญแล้วนี้ ด้วยการถวายเครื่องลาด ข้าวยาคูและผลมะม่วงนั้น ขอจงถึงบิดาของหม่อมฉันเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า จงสำเร็จอย่างนั้นเถิด แล้วทรงกระทำอนุโมทนา นางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ทำประทักษิณแล้วหลีกไป ทันทีที่นางอุทิศส่วนบุญ เปรตนั้นก็ได้สวนมะม่วง วิมาน ต้นกัลปพฤกษ์ และสระโบกขรณี กับทิพยสมบัติอันใหญ่หลวง

ครั้นสมัยต่อมา พ่อค้าเหล่านั้น ไปค้าขายอีก ได้เดินทางผ่านทางเดิมนั้นนั่นแล ได้พักแรมคืนหนึ่งในที่ที่ตนได้เคยอยู่มาก่อน

เปรตนั้นเห็นพ่อค้าเหล่านั้นแล้ว จึงปรากฎตนแก่พ่อค้าเหล่านั้น พร้อมกับสวนและวิมานเป็นต้น

พ่อค้าเหล่านั้นเห็นดังนั้น เมื่อจะถามถึงสมบัติที่เปรตนั้นได้มา จึงได้กล่าวว่า

สระโบกขรณีของท่านนี้ น่ารื่นรมย์ดี มีพื้นที่ราบเรียบ มีท่างดงาม มีน้ำมาก ดารดาษไปด้วยปทุมชาติต่างๆ มีดอกอันบานสะพรั่ง เกลื่อนกล่นด้วยหมู่ภมร ท่านได้สระโบกขรณีอันเป็นที่ฟูใจนี้อย่างไรสวนมะม่วงของท่านนี้น่ารื่นรมย์ดี เผล็ดผลทุกฤดูกาล มีดอกบานเป็นนิตย์นิรันดร์ เกลื่อนกล่นไปด้วยหมู่ภมร ท่านได้วิมานนี้อย่างไร

เปรตได้ฟังดังนั้น เมื่อจะบอกถึงเหตุแห่งการได้สระโบกขรณีเป็นต้นจึงกล่าวว่า

สระโบกขรณีมีร่มเงาอันเยือกเย็น น่ารื่นรมย์ ใจ ข้าพเจ้าได้ในที่นี้ เพราะทานที่ธิดาของข้าพเจ้าถวายมะม่วงสุก น้ำ ข้าวยาคูแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์

ก็แลเปรตนั้น ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงบอกทรัพย์ ๕๐๐ กหาปณะที่ตนซ่อนไว้แก่พ่อค้า แล้วกล่าวว่า ขอท่านจงรับเอากึ่งหนึ่งจากส่วนนี้ จงให้แก่ธิดาของเรา ด้วยประสงค์ว่า นางจงชำระหนี้ที่เรากู้เขามากึ่งหนึ่ง แล้วจงแล้วใช้ทรัพย์ส่วนหนึ่งเลี้ยงชีพให้มีความสุข

เมื่อพ่อค้านั้นกลับมาถึงกรุงสาวัตถีแล้ว ได้บอกเรื่องนั้นแก่ธิดาของเปรตแล้วได้ให้ทรัพย์ที่เปรตนั้นฝากมาแก่นาง

นางได้ใช้หนี้ทรัพย์ ๑๐๐ กหาปณะแก่พวกเจ้าหนี้ นอกนั้นได้ให้แก่กฎุมพีนั้นผู้เป็นสหายบิดาตน

กฎุมพีนั้นได้ให้คืนแก่นางนั้น พูดว่า พ่อให้คืนแก่เจ้า ทรัพย์นี้จงเป็นทรัพย์ของตัวเธอทั้งหมดเถอะ แล้วให้นางแต่งงานกับบุตรคนโตของตน

เมื่อกาลผ่านไป นางได้บุตรคนหนึ่ง เมื่อบุตรโตรู้ความ นางได้พูดกับลูกว่า

ลูกจงดูนะ ผลแห่งทานที่เห็นได้ในปัจจุบัน และผลแห่งความข่มใจ(การรู้จักข่มใจ) ความสำรวม แม่เป็นหญิงรับใช้อยู่ในตระกูลของลูกเจ้า(ลูกซึ่งเป็นหลานปู) บัดนี้ แม่มาเป็นลูกสะใภ้ เป็นใหญ่ในตระกูลนี้

ภายหลังวันหนึ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูนางว่ามีญาณแก่กล้า จึงทรงแผ่พระรัศมีไปแสดงพระองค์ให้ปรากฏ ประหนึ่งประทับอยู่เฉพาะหน้า แล้วได้ตรัสพระคาถานี้ความว่า

ความประมาทย่อมครอบงำ บุคคลผู้ติดอยู่ในความยินดียินร้าย ในความรักความชังในทุกข์และสุขในเวลาจบคาถา นางบรรลุโสดาปัตติผล

ในวันที่สอง นางได้ถวายทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็นตัวอย่าง แล้วแสดงธรรมแก่บริษัททั้งหลาย เทศนานั้นได้มีประโยชน์แก่มหาชนฉะนี้แล

อธิบายเพิ่ม

เป็นสิทธิที่เราจะหวงทรัพย์สมบัติของตน ไม่ใช่อยากได้ของคนอื่นโดยไม่ชอบธรรมด้วย แต่ถึงอย่างไร หากความรู้สึกนี้เกิดขึ้นขณะกำลังจะตาย ไม่ตกนรกก็ต้องเป็นเปรตอย่างอดีตคหบดีผู้เคยร่ำรวยคนนี้แน่นอน

จิตเศร้าหมอง จะเกิดขึ้นจากเหตุอะไรก็ตาม ก็เป็นจิตเศร้าหมองนั่นเอง กลิ่นเน่าเกิดจากดอกไม้งามหรือไม่งามก็ตาม เกิดจากดอกไม้หอมหรือไม่หอมก็ตาม กลิ่นเน่าก็เหม็นเหมือนกัน

ก่อนตายเราห่วง หวงอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นจิตต่ำดึงเราลงอบายภูมิทั้งนั้น แม้กระทั่งห่วงบุญ เช่นรับปากแล้วว่าจะทำบุญที่นั่นที่นี่ แต่ยังไม่ได้ทำ จิตกระวนกระวายตายขณะนั้นก็ลงอบายภูมิเพราะจิตเศร้าหมอง

ด้วยพลังบุญของลูกสาวที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ได้ถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วอุทิศบุญนั้นแก่พ่อ ผลบุญนั้นทำให้เปรตกลายเป็นเทวดาทันทีพร้อมวิมานและสวนดอกไม้ที่งดงาม

และด้วยผลแห่งความดีของเปรตในสมัยเป็นมนุษย์ แม้เขาเป็นผีเปรต ก็ยังมีจิตสำนึกที่จะคืนหนี้ ๑๐๐ กหาปนะที่ยืมเพื่อนมาลงทุน แต่กรรมบัง ไม่ให้คนรู้จักไปบริเวณที่เขาอยู่ ถึงมีคนรู้จักไปบริเวณนั้น ก็ไม่นักว่าเขาจะสามารถมีพลังพอที่จะปรากฎกายให้เห็นได้ แต่เมื่อเขาเป็นเทวดาแล้ว จิตสำนึกที่จะใช้หนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ และเขาก็ได้โอกาสเมื่อเพื่อนๆพ่อค้าสมัยเป็นนนุษย์ผ่านมา ณ สถานที่แห่งนี้อีกครั้ง

เขาบอกที่ซ่อนทรัพย์ให้เพื่อนพ่อค้าด้วยกัน แล้วฝากทรัพย์ให้ลูกสาวใช้หนี้แทนด้วย จิตสำนึกดีๆ ย่อมพาพบแต่สิ่งดีๆเสมอ

ลูกสาว ก็เป็นหญิงสาวที่ดี ได้อยู่กับผู้ใหญ่ที่เป็นกัลยาณมิตร นางก็เป็นหญิงน่ารัก ขยัน เชื่อฟังพ่อบุญธรรม อ่อนน้อมถ่อมตน งานบ้านมีอะไรบ้าง นางทำทุกอย่างเหมือนสาวใช้ จนพ่อบุญธรรมเองก็รักนางมาก ไม่อยากให้นางไปอยู่ที่อื่น จึงให้แต่งงานกับลูกชายคนโตของตน

ต่อมานางมีลูกชายหนึ่งคน นางจึงมีฐานะในบ้านนั้น เป็นเหมือนผู้จัดการในตระกูลนั้น แต่ทั้งหมดที่นางได้นั้น ล้วนเกิดจากความดีของนางทั้งนั้น คนในบ้านนี้ จึงยอมให้นางเป็นใหญ่ทันที

แม้นางเป็นใหญ่ในบ้านหลังนี้ ก็ไม่เคยลืมชีวิตเบื้องหลัง ยังเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย ยังเป็นหญิงมีน้ำใจงาม วาจาอ่อนโยน ทำงานทุกอย่างในบ้านเหมือนเดิม ประพฤติธรรมดีงามสม่ำเสมอ วางตนงามเสมอต้นเสมอปลาย บารมีธรรมของนางยิ่งเพิ่มพูน

นางทำตัวเองให้เป็นคนโชคดี โชคดีไม่มีอะไรเทียบได้ เมื่อนางได้ฟังธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้บรรลุโสดาบัน

เกลียดชอบ รักชัง สุขทุกข์ ล้วนเป็นเครื่องผูกมัดเราให้วนเวียนอยู่วัฏสงสาร

อ้างอิง

https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=132

You may also like...

Popular Articles...