Buddhadhamma Tepitaka Dattava Avajanatisutta
Buddhadhamma Tepitaka Dattava Avajanatisutta
popularity:0
  • Description

Buddhadhamma Tepitaka Dattava Avajanatisutta

ทบทวนธรรม

ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก

เรื่อง ทัตวาอวชานาติสูตร

นิสัยที่คนอื่นเขาดูถูก(เป็นคนน่าเบื่อมาก)

๑. ชอบดูหมิ่นคนที่ตนได้ให้ เช่นสิ่งของ หรือแม้การช่วยเหลือเป็นต้น แล้วมักสำคัญตน ยกตนเหนือกว่าคนที่ตนให้หรือได้ช่วยเหลือ คนประเภทนี้ มีโอกาสมักจะอ้างบุญคุณเสมอ หรือบางคน บางองค์กร ให้แก่คนหรือให้หน่วยงานอื่นเพื่อแสดงว่าตนมีพลังเหนือกว่า จึงให้เพราะว่าตนเหนือกว่า คนประเภทนี้หรือองค์กรประเภทนี้ ถึงได้ให้มากมายหรือให้น้อยก็ตาม มักไม่เป็นที่รักเลย ทั้งที่เป็นคนให้

คนที่ให้ แต่ให้แล้วดูถูกคนรับ ก็ไม่งาม

ส่วนคนเป็นผู้รับ หากรับเพราะมีคนแจก ก็ไม่น่ารังเกียจ รับเพราะช่วยเหลือตนเองไม่ได้ รับเพราะยากจน ลำบาก หากคนมีน้ำใจ มีเมตตาธรรม มาแจกสิ่งของ การรับสิงของจากคนใจดี จะทำให้คนที่ให้นั้นมีความสุขไปด้วย คนแจกทาน แจกสิ่งของมักเป็นคนใจงาม ย่อมไม่ดูถูกดูแคลนผู้อื่นแน่นอน

คนผู้รับ หากเป็นคนที่ขอซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ขอไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น สารพัดเหตุผลที่อ้างเพื่อที่จะขอ แต่อย่างไรก็เป็นคนขี้ขออยู่นั่นเอง คนขอประเภทนี้ คนให้มักดูถูก

๒. อยู่ด้วยกันพอสมควร รู้นิสัยใจคอกันแล้ว ก็มักดูถูกกัน ว่าฝ่ายหนึ่งต่ำกว่า หรือรู้เห็นความผิดของอีกฝ่าย ก็ทำตัวเหนือกว่า เพราะกุมความลับไว้ จึงดูถูก ไม่ให้เกียรติ

๓. เชื่อง่าย เขาว่าอย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ไม่เคยตรวจสอบ ไม่เคยพิจารณา เป็นความโง่อย่างมากเลย ยิ่งตนชอบอย่างไรอยู่แล้ว หากมีคนพูดถึงเรื่องที่ตนชอบ ก็เชื่อทันที แม้มีคนทำเรื่องราวอันเป็นเท็จให้คนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นจริง คนเชื่อง่าย มีอคติก็เชื่อแบบลืมหูลืมตาทันที บางครั้งทั้งรู้ว่าเป็นเท็จ แต่ก็อยากจะเชื่ออย่างนั้น

๔. เป็นคนโลเล

ลักษณะของคนโลเก ดังนี้

ก. ไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเชื่อ

ข. มีความจงรักภักดีครี่งๆกลางต่อคนที่ตนนับถือหรือเจ้านายตน

ค. มีความรักครึ่งๆกลางๆ ไม่ปักใจรัก

ง. เลื่อมใสในสิ่งที่ตนเลื่อมใสครึ่งๆกลางๆ

คบคนโลเล เหนื่อยหน่อย เพราะเขาเปลี่ยนใจเสมอ ทำงานด้วยก็เหนื่อย เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ เพราะเขาเอาแน่นอนไม่ได้เลย เรื่องมาก เอาแน่นอนไม่ได้

๕. ไม่รู้อะไรดีอะไรชั่ว ไม่รู้อะไรมีโทษและไม่มีโทษ แยกไม่ออกอะไรประณีตอะไรหยาบ ไม่รู้ธรรมดำธรรมขาว(ทุจริตและสุจริต) เมื่อไม่รู้ดังกล่าว ก็อาศัยแต่ความอยากดำเนินชีวิต อยากคิดก็คิด อยากทำก็ทำ อยากพูดก็พูด ไม่รู้ว่าคิดแล้ว พูดแล้ว ทำแล้ว ผลของออกมาจะเป็นอย่างไร การไม่รู้ดังกล่าว จะเป็นคนมีการศึกษาต่ำหรือสูงก็ตาม ล้วนมีได้เสมอกัน

คนประเภทนี้ ก่อปัญหามากเหลือเกิน เพราะเขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าเขากำลังทำอะไรที่มีผลเป็นโทษหรือเป็นคุณ ที่แย่กว่านั้น คนเหล่านี้มักอ้างว่าคนเป็นดีเป็นคนประเสริฐเพราะความไม่รู้ของตน

อ้างอิง

http://www.84000.org/tipitaka/read/r.php?B=22&A=3845

You may also like...

Popular Articles...