
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Candalaviman ii – 122321, 10.05 PM
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่อง จัณฑาลิวิมาน
วิมานของนางฟ้าผู้เคยเป็นหญิงจัณฑาลแก่
หญิงชราจัณฑาล คนหนึ่ง กำลังจะตายแล้วจะตกนรกในวันนี้ แต่นางไม่รู้ว่าตนจะตาย ก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่นางต้องมีบุญไม่น้อยจึงได้ปรากฎเข้าในพระญาณของพระองค์ในเช้าวันนี้ คงเป็นเพราะกรรมบางอย่างทำให้นางเกิดเป็นคนชั้นต่ำของสังคมอินเดียในสมัยนั้น คนชั้นต่ำในสังคมอินเดียนั้น มันต่ำจริงๆ ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์แค่นั้น แต่เป็นมนุษย์ที่ถูกต้อน เหมือนสัตว์เลี้ยง น่าสมเพชเหลือเกิน
ด้วยพระเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้า พระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่จะไปบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ ยายชราจัณฑาลี ถือไม้เท้าประคองตนออกจากเมืองราชคฤห์ จังหวะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าก็เสด็จมาถึงระหว่างทางพอดี พระพุทธองค์จึงเสด็จยืนขวางหน้านาง นางหาทางออกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ยกมือไหว้พระพุทธองค์ อาจจะเป็นไปได้ว่า ตลอดชีวิตนางนั้นไม่เคยไหว้พระเลย ด้วยนางเป็นหญิงแก่ชรา ชั้นต่ำ เกรงว่าไม่เหมาะสมที่จะกราบไหว้พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ แม้ประจันหน้ากับพระพุทธเจ้า นางก็ไม่กล้า กลัว สั่น จะถอยก็ไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์จะเข้าเมือง จะไปข้างหน้าก็ไม่ได้ พระพุทธเจ้ายืนข้างหน้า นางหมดทางไปจริงๆ ทำตัวไม่ถูก
พระมหาโมคคัลลานเถระ เห็นดังนั้น ก็ทราบในพระทัยของพระพุทธเจ้าทันที จึงบอกหญิงชราจัณฑาลนั้นว่า
ดูก่อนแม่จัณฑาลี ท่านจงถวายบังคมพระบาทยุคลของพระโคดม ผู้มีพระเกียรติยศเถิด พระโคดมผู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๗ ประทับยืนเพื่ออนุเคราะห์ท่านคนเดียว ท่านจงทำจิตให้เลื่อมใสยิ่งในพระองค์ผู้เป็นพระอรหันต์ ผู้คงที่ แล้วจงรีบประคองอัญชลี ถวายบังคมเถิด ชีวิตของท่านเหลือน้อยเต็มที
พอพระเถระ กล่าวดังนี้ นางก็สังเวชสลดใจตนว่าจะตายแล้ว บุญเก่าเตือนนางทันที เกิดความเลื่อมในในพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง
นางก้มกราบพระยุคลบาทพระสัมมาสัม-พุทธเจ้า ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ด้วยจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส นางปลื้มใจเหลือเกิน ไม่คิดว่าคนชั้นต่ำชราอย่างนางจะมีโอกาสถึงเพียงนี้ พอประมาณแล้ว พระพุทธองค์ทรงทราบว่าแค่นี้นางก็ไปสวรรค์ได้แล้ว จึงเสด็จหลีกไป
ยายชราจัณฑาลยืนขึ้น เกิดปีติ ประคองอัญชลีนมัสการอยู่ มีจิตเป็นสมาธิ ด้วยปีติอันซ่านไปในพระพุทธคุณ นางยืนนิ่งเป็นสมาธิ จนไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ไปแล้ว ทันใดนั้นเองแม่โคลูกอ่อนก็วิ่งเข้าชนนางอย่างแรง กระเด็นออกไปแล้วล้มลง สิ้นลมทันที เพราะความที่นางชรามากแล้วด้วย
นางเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ งามเหลือประมาณยิ่ง จากหญิงแก่ๆน่าเกลียด กลายเป็นนางฟ้าที่สวยงามและทรงพลังมีนางฟ้าเป็นบริวารตั้งแสนหนึ่ง
เป็นนางฟ้าที่กตัญญูกตเวทีอย่างมาก ที่ได้สมบัติเห็นปานนี้ เพราะพระมหาโมค-คัลลานะเถระเตือนนางให้ไหว้พระพุทธเจ้า นางปฏิบัติตามด้วยความเลื่อมใส จึงได้สมบัติอันที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ตรงคำเตือนของพระเถระ ท่านใช้ศัพท์ว่า “พระยุคลบาทของพระโคดม ผู้มีพระเกียรติศย พระโคดมผู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๗” เรียกโคตรของพระองค์เลย เหมือนไม่เคารพ ที่จริงตรงนี้เพื่อเน้นว่า พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๗ นับจากพระพุทธเจ้าวิปัสสีมา และเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๑๙ นับแต่ปีที่พระโคดมพุทธเจ้าได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร
และนางเองน่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวข้องแน่นอนจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี พระเถระจึงกล่าวดังกล่าวแล้วนั้นข้างต้น
นางฟ้าผู้กตัญญู เพียงปรากฎตนเป็นนางฟ้าเท่านั้น นางรู้ว่าตนได้ทำบุญเพียงกราบไหว้พระบาทของพระพุทธเจ้าแค่นั้น แต่นางเลื่อมใสศรัทธามาก อ่อนน้อมตนยิ่ง นางรู้สึกขอบพระคุณพระมหาโมคคัล-ลานเถระที่เตือนนางให้กราบไหว้พระพุทธเจ้า ขณะที่นางยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก ประหม่าต่อหน้าพระพักตรพระพุทธเจ้า
นางไม่รีรอ หลงเสวยบุญ แต่นางรีบมากราบไหว้ขอบพระคุณพระมหาโมคคัลลานเถระทันที นางกล่าวว่ามีสติสัมปชัญญะ ก็หมายว่านางจะได้เห็นธรรมแน่นอน
พระเถระ ช่างน่ารักเหลือเกิน ท่านรู้ว่านางหญิงชรา ประหม่า กลัว สั่นอยู่นั้น ก็พูดวาจาไพเราะกับนางว่า “แม่จัณฑาลี” เป็นคำอบอุ่น เป็นคำที่คนชั้นต่ำๆอย่างนางไม่คาดว่าจะมีใครพูดกับนาง ทำให้นางหายประหม่า มีสติ รีบกราบไหว้พระบาททั้งคู่ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทันที
แม้เพียงกราบไหว้พระพุทธเจ้าไม่กี่นาที ด้วยจิตที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธาเลื่อมใส ปีติเกิด สมาธิเกิด แม้พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์เดินผ่านไปแล้ว นางก็ยังยืนนิ่ง ปลื้มใจ มองตามพระพุทธองค์อย่างไม่ละสายตา ขณะนั้น วัวที่หากินอยู่กลางถนน ก็ตรงดิ่งเข้าขวิดนาง เนื่องจากเป็นคนแก่มากด้วย เรี่ยวแรงก็น้อยตามประสาคนอดมื้อกินมื้อ
จากหญิงแก่ชราหน้าเกลียด ชนชั้นต่ำไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนนุษย์ กลายเป็นางฟ้าที่สวยงามมาก มีนางฟ้าบริวารเป็นแสน
คนที่อิ่มใจ ในความดีงามเท่านั้น จึงจะรู้จัก ซาบซึ้งว่า การได้เลื่อมใสศรัทธาการได้กราบไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นอย่างไร คนไม่ศรัทธา หรือศรัทธาแบบเอาตัวเองตัวตั้ง คือต้องศรัทธาแบบเขา เลื่อมใสแบบเขา จึงจะเรียกว่าศรัทธา เขาย่อมเสพอารมณ์นี้ไม่ได้ เพราะทิฏฐิมานะของเขาสูงเกิน
อ้างอิง
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=618&Z=657