Buddhadhamma Tepitaka Payasi Viii
Buddhadhamma Tepitaka Payasi Viii
popularity:0
  • Description

Buddhadhamma Tepitaka Payasi Viii

ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก

เรื่อง ปายาสิราชัญญสูตร (ตอนที่ 8)

เจ้าปายาสิไม่เชื่อนรกสรรค์ ไม่เชื่อผลกรรมดีกรรมชั่วว่ามีจริง

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

สรุปบทสนทนา

เมื่อเจ้าปายาสิไม่ยอมเชื่อต่อพระกุมารกัสสปเถระ ท่านจึงยกอุปมาเปรียบเทียบมากล่าวอีกว่า

ดูกร บพิตร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจะยกอุปมาอีก เรื่องมีอยู่ว่า

ชายคนหนึ่งมีอาชีพเลี้ยงสุกร วันหนึ่ง ไปต่างหมู่บ้าน เห็นก้อนอุจจาระแห้งที่ชาวบ้านหมู่นั้นถ่ายไว้กลื่นกลาด ก็ดีใจ คิดว่า เราได้อาหารสุกรแล้ว จึงรีบปู่ผ้าห่มลงบนพื้น แล้วหยิบก้อนอุจจาระแห้งใส่ผ้าของตน จนพอแก่ความต้องการแล้ว ก็ทูลหัวเดินผ่านหมู่บ้านไป แต่ขณะเดินผ่านหมู่บ้าน ฝนก็ตกซู่ใหญ่อย่างหนักแบบไม่มีปี่มีขลุย อุจจาระจึงเปือกน้ำแล้วละลาย ไหลย้อยผ่านศรีษะผ่านจมูกปากถึงปลายเท้า เปลอะเปื้อนตัว ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง แต่ชายคนนั้นก็ไม่ยอมทิ้ง ยังเดินดุ่มกลับบ้านตนหน้าตาเฉย ชาวบ้านเห็นดังนั้น ก็ถามว่า คุณเป็นบ้าหรือเปล่า เสียสติไปหรือเปล่า ดูสิ ทำไปได้อย่างไร ทูลอุจจาระเปียกเลอะเทอะไปทั้งตัว เหม็นก็เหม็น

ชายคนนั้น จึงรีบตอบทันทีว่า

พวกคุณนั่นแหละบ้า เสียสติ ไม่รู้จริงก็อย่าพูด อันที่จริง อุจจาระนี้ เป็นอาหารอย่างดีของสุกรเรา

ดูกร บพิตร พระองค์ก็เช่นเดียวกับคนทูลอาจารนั้นแหละ มีคนตักเตือนก็หาว่าเขาไม่รู้จริง เพราะยึดมั่นในความคิดของตนเองเท่านั้นว่าถูก ขอให้พระองค์ทิ้งทิฏฐินั้นเถิด เพราะไม่มีประโยชน์อีกทั้งพระองค์จะต้องเป็นทุกข์อีกนานแสนนานจากทิฏฐิของพระองค์ (เหมือนคนทูลอุจจาระเปือกไหลเปรอะทั้งตัวก็ยังคิดแต่ว่าตนทำดีอยู่นั้นแหละ)

พระคุณเจ้ากัสสปะ โยมทิ้งไม่ได้หรอก เพราะพระเจ้าปเสนทิโกศล และราชาแคว้นอื่นๆต่างก็รู้ว่าโยมเป็นคนอย่างนี้ หากโยมสละทิ้งทิฏฐินี้แล้ว เดี๋ยวโยมก็จะถูกตำหนิว่า เจ้าปายาสินี้ โง่เง่าจริง เชื่อแต่สิ่งผิดๆ (โยมมั่นใจว่าสิ่งที่โยมเชื่อนั้นถูกต้องแล้ว โยมไม่เปลี่ยนความเชื่อเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแล้ว โยมจะถูกตำหนิว่าโง่) แม้จะต้องทะเลาะ ดูถูก แข่งดีอย่างไร โยมก็ยอม

ดูกร บพิตร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจะยกอุปมาเปรียบเทียบอีก เรื่องมีอยู่ว่า

มีสองสหายเล่นสกา(พนันลูกเต๋า)ด้วยกัน ขณะเล่นอยู่นั้น คนแรกพอรู้ตัวว่าจะแพ้ ก็แอบกลืนลูกสกาที่จะทำให้ตนเสียแต้ม เพื่อนอีกคนก็รู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ จึงแพ้อยู่เป็นประจำเวลาเล่นสกากับสหายคนนี้ วันต่อมา เพื่อนคนแรกก็ชวนเล่นสกาอีก สหายคนที่สอง จึงเอาลูกสกาอาบยาพิษ ไม่ถึงกับร้ายแรงอะไร แต่หากกินมากเกินก็อันตรายได้

ถึงเวลาเล่นสกา เพื่อนคนที่สองก็แพ้อีก เพราะกลโกงกลืนกินลูกสกาของเพื่อนคนแรกนั้นเอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนกลืนกินลูกสกาเยอะไปแล้ว จึงเตือนเพื่อนคนแรกว่า ท่านกลืนกินลูกสกาอาบยาพิษไปมากแล้ว พอแล้ว เลิกเถอะ ไปล้างท้อง ไม่เช่นนั้นท่านต้องตายแน่นอน

ดูกร บพิตร พระองค์ก็เหมือนนักเลงสกานั่นแหละ คิดว่าตนทำถูก จึงกลืนกินลูกสกา เพียงแค่เพื่อชนะการพนันเท่านั้น แต่ต้องทุกข์ทรมานอีกนาน พระองค์จงสลัดทิ้งทิฏฐินั้นเถิด

พระคุณเจ้ากัสสปะ โยมทิ้งไม่ได้หรอก เพราะพระเจ้าปเสนทิโกศล และราชาแคว้นอื่นๆต่างก็รู้ว่าโยมเป็นคนอย่างนี้ หากโยมสละทิ้งทิฏฐินี้แล้ว เดี๋ยวโยมก็จะถูกตำหนิว่า เจ้าปายาสินี้ โง่เง่าจริง เชื่อแต่สิ่งผิดๆ (โยมมั่นใจว่าสิ่งที่โยมเชื่อนั้นถูกต้องแล้ว โยมไม่เปลี่ยนความเชื่อเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแล้ว โยมจะถูกตำหนิว่าโง่) แม้จะต้องทะเลาะ ดูถูก แข่งดีอย่างไร โยมก็ยอม

ดูกร บพิตร ถ้าอย่างนั้น อาตมภาพจะยกอุปมาเปรียบเทียบอีก เรื่องมีอยู่ว่า

ณ เมืองแห่งหนึ่ง มีสองสหายชวนกันไปหาสมบัติในเมือง ขณะเดินทางไปนั้น ผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นเปลือกป่านถูกทิ้งไว้ข้างทางมากมาย จึงชวนกันมัดเปลือกป่านคนละมัด แล้วออกเดินทางไปอีกถนนหนึ่ง ก็เห็นด้ายป่าน เห็นดังนั้น สหายคนแรกก็กล่าวกับสหายว่า เราจะเอาเปลือป่านไปทำไม เอาด้ายป่านเลยดีกว่า จึงชวนสหายอีกคนให้ทิ้งเปลือกป่าน แต่สหายคนที่สองก็กล่าวว่า สหาย ท่านเอาด้ายป่านไปคนเดียวเถิด เราไม่เอาหรอก เพราะเปลือกป่านเราผูกมัดไว้ดีแล้ว อุตส่าห์ทำอย่างดี ไม่อยากทิ้ง

สหายคนแรก ทิ้งเปลือกป่านแล้วจัดแจงเอาด้ายป่าน เสร็จก็ชวนกันเดินทางไป ผ่านอีกถนนหนึ่ง

ได้เห็นเปลือกไม้โขมะ(เปลือกต้นไม้ชนิดหนึ่งทำผ้าได้)ที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ด้ายเปลือกไม้โขมะที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ผ้าเปลือกไม้โขมะ ที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ลูกฝ้ายที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ด้ายฝ้ายที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ผ้าฝ้ายที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

เหล็กที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

โลหะที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ดีบุกที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

สำริดที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

เงินที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ฯลฯ

ทองที่ถูกทิ้งไว้มากมายที่ถนนสายนั้น สหายคนแรกจึงบอกสหายอีกคนหนึ่งว่า

เพื่อนเอ๋ย เราจะเอาเปลือกป่าน ด้ายป่าน ผ้าป่าน เปลือกไม้โขมะ ด้ายเปลือกไม้โขมะ ผ้าเปลือกไม้โขมะ ลูกฝ้าย ด้ายฝ้าย

ผ้าฝ้าย เหล็ก โลหะ ดีบุก สำริด หรือเงินไปเพื่ออะไรกัน นี้ทองที่ถูกทิ้งไว้มากมาย ท่านจงทิ้งมัดเปลือกป่านเสียเถิด เราก็จะทิ้งห่อเงินเหมือนกัน พวกเรามาช่วยกันนำห่อทองไปดีกว่า

สหายคนที่สอง ตอบว่า เพื่อนเอ๋ย เราหอบมัดเปลือกป่านนี้มาตั้งไกล อีกทั้งมัดไว้เรียบร้อยดีแล้ว เราจะไม่ทิ้งล่ะ ท่านเอาทองไปคนเดียวเถิด

แล้วสหายคนแรกก็ทิ้งห่อเงินแล้วนำห่อทองไป

เมื่อสหายทั้งสองกลับไปถึงบ้านของตน

คนที่หอบมัดเปลือกป่านไป มารดาบิดาไม่ชื่นชอบยินดี

บุตรภรรยา ไม่ชื่นชอบยินดี

มิตรอำมาตย์ไม่ชื่นชอบยินดี

ความหมั่นเพียรก็ไร้ค่าที่อุตส่าห์หอบเปลือกป่านมาไกล

ส่วนสหายอีกคนหนึ่งที่นำห่อทองไป ได้รับความชื่นชมยินดีจากมารดาบิดา ได้รับความชื่นชมยินดีจากบุตรภรรยา

ได้รับความชื่นชมยินดีจากมิตรอำมาตย์ อีกทั้งได้รับความสุขโสมนัสที่เกิดจากการนำห่อทองนั้น

ดูกร บพิตร พระองค์ก็เหมือนบุรุษผู้อุตส่าห์แบกหอบมัดเปลือกป่านไปตั้งไกลแต่ไร้ค่า ไม่มีใครเห็นด้วย ประโยชน์ก็ไม่ได้ พระองค์สลัดทิฏฐินั้นทิ้งเสียเถิด

ยังมีต่อ

อ้างอิง ข้อที่ ๔๓๑-๔๓๖

https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=10&siri=10

You may also like...

Popular Articles...