
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Kevattasutta
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่อง เกวัฏฏสูตร
เหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่สนับสนุนการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
มีเรื่องเล่ามาว่า เกวัฏฏะบุตรคฤหบดีนั้นมีทรัพย์ประมาณ ๔๐ โกฏิ เป็นคฤหบดีผู้มั่งคั่ง ได้เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส (พระพุทธศาสนา) เป็นอย่างยิ่ง เพราะเหตุที่เขามีศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะให้มีคนศรัทธาเลื่อมใสในพระธรรมวินัยเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก จึงคิดว่า หากจะมีภิกษุสักรูปหนึ่งเหาะไปในอากาศ พึงแสดงปาฏิหาริย์หลายๆ อย่าง หนึ่งเดือนครั้ง หรือครึ่งเดือนครั้ง หรือปีละครั้ง ก็น่าจะดี มหาชนก็จะพากันเลื่อมใสยิ่งนัก ถ้ากระไร เราจะกราบทูลขอร้องพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้ทรงอนุญาตภิกษุรูปหนึ่งเพื่อแสดงปาฏิหาริย์ แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลอย่างนี้
เขากราบทูลขออยู่ ๓ ครั้ง พระองค์ก็ไม่เห็นด้วย
ทรงแสดงปาฏิหาริย์มี ๓ อย่าง คือ
๑.อิทธิปาฏิหาริย์ การแสดงฤทธิ์ต่างๆ
๒.อาเทสนาปาฏิหาริย์ การรู้จิตของคนอื่น
๓.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ การสอนธรรม การบอกความรู้ให้คนปฏิบัติ ให้คนเว้น เห็นผลด้วยตัวเอง
การแสดงปาฏิหาริย์ข้อที่ ๑,๒ แก่คนที่ไม่เลื่อมใสศรัทธา ถึงแสดงไปเขาก็ไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อแล้วก็จะดูถูกดูแคลน เพราะมีวิชาการทำอิทธิปาฏิหาริย์มากมายบนโลกใบนี้ อย่างที่เราเห็นในโซเชียลมีเดีย มีการกล่าวร้ายใส่ร้าย ทำให้หมดความน่าเชื่อถือแก่คนที่ทำความดี หรือบางทีมีครูบาอาจารย์คนละคน ต่างก็เอาครูอาจารย์ของตนมาข่มใส่กัน บางทีท่านก็เป็นคนดีทั้งนั้น แต่ทำไมต้องทะเลาะกัน ก็เพราะว่าไม่ศรัทธาในคนที่คนหนึ่งศรัทธาอยู่
ส่วนคนที่ศรัทธาอยู่แล้วอย่างไรเขาก็ศรัทธา โดยเฉพาะคนที่มีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ เลยปาฏิหาริย์แล้ว
หากจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ให้คนที่มีศรัทธาน้อย ให้ศรัทธาเพิ่มขึ้น กลับกลายจะเป็นโทษ อย่างที่เรากำลังเห็นอยู่ในสังคมปัจจุบัน มีคนมากมายไม่ใช้กำลังสติปัญญาของตนทำมาหากิน คอยพึ่งพาแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยทำมาหากิน ให้หมอดูกำหนดชีวิตให้ ชีวิตทั้งชีวิต จิตใจทั้งหมด เราฝากไว้กับคนอื่นทั้งหมดเลย ไม่ได้ใช้ความสามารถของความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในตัวตนของตัวเองเลย ศักยภาพของมนุษย์เมื่อไม่ได้ใช้ มันก็หมดไป
ส่วนอิทธิปาฏิหาริย์ข้อที่สามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกย่องสรรเสริญ เพราะเป็นการสอนให้มนุษย์รู้จักใช้ความเป็นมนุษย์ รู้จักดึงศักยภาพของความเป็นมนุษย์ของตัวเองออกมาใช้ โดยพึ่งพาความรู้ จากครูบาอาจารย์บ้าง จากกัลยาณมิตร กัลยาณชนบ้างจากสื่อต่างๆบ้าง
พลังของมนุษย์ ศักยภาพของมนุษย์นี้มหัศจรรย์ ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม ไม่มีวันหมดมีแต่เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
ความรู้ในการทำลายกิเลสจะเป็นความรู้ที่ประเสริฐมหัศจรรย์ เพราะเมื่อได้ใช้ได้ปฏิบัติแล้ว ทำลายกิเลสได้ กิเลสหมดสิ้นได้ จบการเวียนตายเกิดในวัฏสงสาร มหัศจรรย์มากความรู้นี้
มนุษย์ที่ไม่ได้ใช้ศักยภาพของความเป็นมนุษย์ ความรู้ก็จะไม่เกิด แม้ได้ความรู้จากตำรับตำรา หรือจากห้องเรียน ตัวที่ใช้ความรู้นี้กลับกลายเป็นโลภะ โทสะ โมหะ ซิ่งไม่ได้ช่วยในการพัฒนาศักยภาพของความเป็นมนุษย์แต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามกลับทำลายความเป็นมนุษย์ให้ต่ำลงโดยความรู้เหล่านั้น
อนุสาสนีย์ปฏิหาริย์ เป็นปาฏิหาริย์ที่ใครๆก็ทำได้ แต่ที่ทำไม่ได้ เพราะเราไม่เชื่อในปาฏิหาริย์ข้อนี้ ไม่ศรัทธาในปาฏิหาริย์ข้อนี้ ไม่เลื่อมใสในปาฏิหาริย์ข้อนี้ ทั้งที่เป็นปาฏิหาริย์ที่ยั่งยืนมั่นคงแน่นอน เพราะเราไม่เชื่อพลังของความเป็นมนุษย์ในตัวเองว่าตัวเองเสกอะไรให้ตัวเองก็ได้ด้วยความรู้ และมีปัญญาใช้ความรู้นั้นตามความเหมาะสม
พระผู้มีพระภาคเจ้ายืนยันว่า การที่มีกุลบุตรกุลธิดามาบวชตามพระองค์ ไม่ใช่เลื่อมใสศรัทธาในการแสดงอิทธิฤทธิ์เลย แต่เลื่อมใสศรัทธาในการแสดงธรรมของพระองค์ และสามารถทำได้อย่างที่พระองค์ตรัสสอนแน่นอน พระพุทธเจ้าเห็นอย่างไร กุลบุตรกุลธิดาเหล่านั้น เห็นได้อย่างนั้น
หากเรามีปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ ประการ จะเป็นประโยชน์แก่ชาวโลกมาก เพราะปาฏิหาริย์ข้อที่ ๑ ข้อที่ ๒ จะเกื้อหนุนแก่ปาฏิหาริย์ข้อที่ ๓ ที่หากใช้แล้ว จะเกิดผลประร้อยเปอร์เซ็นแก่คนที่เราช่วยเหลือทันที คำว่าช่วยเหลือในที่นี้ หมายถึง ช่วยให้เห็นธรรมะ เพราะตรงจุดตรงประเด็น ถึงอย่างไร สำหรับพระภิกษุแล้ว
พระพุทธเจ้าบัญญัติวินัยห้ามแสดง กันพระมากด้วยกิเลสเอาเป็นข้ออ้างว่าช่วยคน แต่จริงๆแล้วแสวงหาประโยชน์ใส่ตน แต่สำหรับพระภิกษุที่หมดกิเลสแล้ว ทรงยืดหยุ่นให้ เพราะพระอรหันต์ท่านจะรู้ว่าควรใช้อย่างไร
คนมีปาฏิหาริย์ข้อที่ ๓ เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะมีความสุขด้วย
อ้างอิง
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=09&siri=11
ข้อที่ ๔๘๑-๔๘๖ เฉพาะข้อที่ ๔๘๖ กล่าวถึงแค่ส่วนเบื้องต้นเท่านั้น