
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Payasii iii
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่อง ปายาสิราชัญญสูตร (ตอนที่ 3)
เจ้าปายาสิไม่เชื่อนรกสรรค์ ไม่เชื่อผลกรรมดีกรรมชั่วว่ามีจริง
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
สรุปบทสนทนา
ท่านพระกุมารกัสสปะเถระถามว่า
ดูกร บพิตร เหตุที่ทำให้พระองค์เข้าพระทัยว่า นรกสวรรค์ไม่มี ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี ยังมีอยู่หรือ
ยังมีอยู่ท่านทางกัสสปะ
มีอยู่อย่างไร เปรียบเทียบมาเถิด บพิตร
ท่านกัสสปะ ญาติ มิตรของโยมที่เป็นคนที่มีศีล ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดมุสาวาท ไม่เสพสิ่งมึนเมาที่ทำให้เกิดความประมาท ต่อมาพวกเขาป่วยหนัก โยมไปเยี่ยม รู้ว่าพวกเขาป่วยหนัก ต้องตายแน่นอน จึงสั่งว่า มีสมณบางบางพวกกล่าวว่า คนที่มีศีลตายแล้วจะต้องไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เกิดเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ พวกท่านเป็นผู้มีศีล เมื่อตายแล้วจะต้องไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เกิดเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์แน่นอน หากพวกท่านตายแล้วไปบังเกิดเป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์จริง ขอให้พวกท่านกลับมาบอกเราด้วย
ญาติมิตรเหล่านั้นของโยมที่ตายแล้ว ไม่มีใครมาบอกโยมหรือส่งข่าวให้โยมทราบเลย ด้วยเหตุนั้น โยมจึงเชื่อว่านรกสวรรค์ไม่มี ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี
บพิตร ถ้าอย่างนั้นอาตมาจะขอย้อนถามพระองค์ในเรื่องนี้ว่า ขอพระองค์ตอบตามที่พระองค์พอพระทัยเถิด
บนสวรรค์ดาวดึงส์นั้น 100 ปีของมนุษย์ เป็นวันหนึ่งคืนหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์
30 วันของเทวดาชั้นดาวดึงส์ เป็น 1 เดือน
12 เดือนของเทวดาชั้นดาวดึงส์ เป็น 1 ปีของเทวดาชั้นดาวดึงส์
1000 ปี้ทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์
ญาติมิตรของพระองค์ที่เป็นคนดีมีศีลธรรม ตายไปเกิดบนโลกสวรรค์เป็นเทวดาชั้นดาวดึงส์ หากพวกเขาคิดว่าคอยสัก 2-3 วันก่อน ตอนนี้ขอพักผ่อน สำรวจดูวิมานสักเล็กน้อยแล้วจึงค่อยมาบอกพระองค์ เป็นไปได้หรือ บพิตร
เป็นไปไม่ได้หรอกท่านกัสสปะ พวกเราก็คงตายกันไปหมดแล้ว
เออว่าแต่ว่า แล้วใครบอกท่านว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์มีอยู่จริง เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอายุยืนจริง โยมไม่เชื่อท่านกัสสปะหรอก
ดูกร บพิตร เปรียบเหมือนบุรุษตาบอดแต่กำเนิด ไม่เคยเห็นรูปสีดำ สีขาว
สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่เรียบและไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์
และพระอาทิตย์ เขาจะพึงพูดอย่างนี้ว่า รูปสีดำ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง
สีแดงฝาด รูปที่เรียบ และไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ ไม่มี
ผู้ที่เห็นรูปสีดำ สีขาว สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีแดงฝาด รูปที่เรียบและ
ไม่เรียบ รูปดาว พระจันทร์ พระอาทิตย์ก็ไม่มี เราไม่รู้สิ่งนี้ เราไม่เห็นสิ่งนี้
เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นจึงไม่มี
ดูกร บพิตร พวกเขาพูดถูกไหม ?
พวกเขาเหล่านั้นพูดไม่ถูกท่านกัสสปะ
บพิตร ก็เหมือนคนตาบอดเหล่านั้นที่ถามว่า ใครบอกท่านว่า เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอยู่ เทวดาชั้นดาวดึงส์มีอายุยืนขนาดนี้
บพิตร สมณพราหมณ์ที่บำเพ็ญเพียรจนมีตาทิพย์สามารถเห็นโลกอื่นได้ สามารถเห็นนรกสวรรค์ได้ที่คนธรรมดาไม่สามารถเห็นได้ มีอยู่ เมื่อพระองค์ไม่เห็นจึงไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีอยู่จริง ผลของกรรมดีกรรมชั่วมีอยู่จริง
เจ้าปายาสิยอมรับว่า คนตาบอดพูดไม่ถูกที่ไม่เชื่อว่า มีสีต่างๆ คนที่เห็นสีต่างๆ มี แต่พระองค์ไม่ยอมรับว่าคนมีตาทิพย์หูทิพย์มีอยู่จริง พระองค์เชื่อว่า เมื่อพระองค์ไม่มีตาทิพย์หูทิพย์คนอื่นก็ต้องไม่มีเหมือนกัน พระกุมารกัสสปะจึงตรัสว่า พระองค์เหมือนคนตาบอดพวกนั้น
พวกเราเองก็เหมือนคนตาบอดเช่นกัน เรามักมั่นใจตัวเอง เพราะเราเห็นจริงๆ เราได้ยินจริงๆ เราได้กลิ่นจริงๆ เราได้รู้รสจริงๆ เราสัมผัสมาด้วยตัวเองจริงๆ เราคิดเองได้จริงๆ แต่เราไม่มีตาคือปัญญา
เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสทางกายตามความเป็นจริง เมื่อไม่มีปัญญา เราก็คิดได้เพียงแค่ที่เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส ถูกต้องกายหรือสัมผัสได้แค่นั้น เวลามีคนที่รู้เหนือกว่าพูด เรามักไม่เชื่อ นอกจากไม่เชื่อแล้วยังตะเบ็งเก่งโง่ใส่อีก นี้เองคือคนตาบอดที่ไม่เชื่อว่าสีต่างๆมี
ยังมีต่อ
อ้างอิง ข้อ ๔๑๖-๔๑๘
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=10&A=6765&Z=7553