
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Pitthadhitalikapeta_mixdown-1
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่อง ปิฏฐธีตลิกเปรต
อนาถบิณฑิกเศรษฐีทำบุญอุทิศให้แก่ตุ๊กตาของหลานสาว
พี่เลี้ยงคนหนึ่งได้ให้ตุ๊กตาแป้งแก่หลานสาวน้อยของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ตั้งแต่นั้นมา หนูน้อยก็รักตุ๊กตานั้นว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง
วันหนึ่งขณะอุ้มตุ๊กตานั้นเล่นอยู่ ตุ๊กตาพลัดตกแตก หนูน้อยจึงร้องไห้หนัก ใครๆในบ้านปลอบใจอย่างไรเธอก็ไม่หยุดร้องไห้ จนในที่สุดพี่เลี้ยงได้พาหนูน้อยไปหาท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีซึ่งกำลังนั่งสนทนาธรรมกับพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ในเรือนของตน
ท่านคหบดีถามถึงเหตุที่หลานร้องไห้ แล้วก็ได้อุ้มหลานไว้ที่บนตักของตนเองและปลอบว่า เดี๋ยวตาจะทำบุญอุทิศให้แก่ตุ๊กตานี้ แล้วทูลอาราธนานิมนต์พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับท่านพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปมาฉันภัตตาหารเช้าในวันพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับพระภิกษุสงฆ์มาฉันภัตตาหารเช้าที่บ้านของอนาถบิณทิกคหบดี หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำอนุโมทนา(ใจความ)ว่า
คนผู้ไม่ตระหนี่ ควรคิดถึงเหตุที่จะได้ทำบุญ เช่นคิดถึงบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว คิดถึงเจ้าที่เจ้าทางประจำเรือน หรือนึกถึงเทวดาทั้งหลายมีท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่เป็นต้น แล้วก็ทำบุญอุทิศให้แก่บรรพชนเหล่านั้นให้แก่เจ้าที่เจ้าทางให้แก่เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้น โดยทำบุญไว้ในพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
บรรพชน ที่ล่วงลับไปแล้ว หากทุกข์อยู่ เมื่ออนุโมทนาบุญก็จะพ้นจากทุกข์ทันที ส่วนเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย เมื่อได้อนุโมทนาบุญแล้ว บุญก็จะเพิ่มขึ้น
เจ้าที่เจ้าทางเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เมื่อได้รับบุญจากเราแล้ว ก็จะมีเมตตาจิตต่อเรา ช่วยเหลือเกื้อกูลเราให้มีความสุขให้มีความเจริญ
การร้องไห้เสียอกเสียใจไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ตรงกันข้ามก็จะทำให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วเหล่านั้นอยู่เป็นทุกข์ทรมานเพราะไม่ได้รับส่วนบุญ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดธรรมอย่างนี้แล้ว ภรรยาของเศรษฐีและคนในบ้านตั้งแต่ลูกหลานคนงานทั้งหลายก็พากันทำบุญใหญ่ พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข มาฉันที่บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีติดต่อกันถึงหนึ่งเดือน
ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลทราบว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีปรารภเจ้าที่เจ้าทางบรรพชนทั้งหลายปรารภเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแล้วทำบุญ พระองค์และพระมเหสีพร้อมข้าราชบริพารก็ทำบุญบ้าง เป็นเวลาหนึ่งเดือนเช่นเดียวกัน โดยปรารภเหตุอย่างเดียวกับท่านเศรษฐี
ชาวเมืองสาวัตถี พอทราบว่าพระราชาทรงทำบุญอย่างนั้น ก็พากันทำบุญโดยคิดถึงเหล่าญาติทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว บรรพชนทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ปรารภถึงเจ้าที่เจ้าทาง ปรารภถึงเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็พากันทำบุญแล้วอุทิศให้แก่ขนที่ล่วงลับไปแล้ว อุทิศบุญให้แก่เจ้าที่เจ้าทาง อุทิศบุญให้แก่เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ชาวเมืองพากันทำอย่างนั้นอยู่ประมาณหนึ่งเดือน
เป็นอันว่าท่านเศรษฐีทำบุญอุทิศให้แก่ตุ๊กตาก็กลายเป็นเหตุให้ทำบุญใหญ่ถึงสามเดือน
คนไม่ตระหนี่ คนใจบุญ คนที่ต้องการบุญ ปรารภเหตุเรื่องราวรอบตัวเพื่อที่จะได้ทำบุญ อย่างเช่นท่านเศรษฐี ปรารภตุ๊กตาแล้วทำบุญอุทิศให้แก่ตุ๊กตา ซึ่งจริงๆแล้วตุ๊กตาไม่ได้รับบุญแน่นอน แต่ผู้ที่ได้รับบุญก็คือเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง บรรพชนทั้งหลายก็จะพลอยได้รับบุญจากคนใจดี จากคนไม่ตระหนี่นั้น และที่สำคัญคนทำบุญก็จะได้รับบุญมากมายมีความสุขมากมายในปัจจุบัน ละโลกนี้ไปแล้วก็มีความสุข
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำให้พุทธบริษัททั้งหลายปรารภเหตุใกล้ๆก่อน เช่นปรารภถึงเหล่าญาติที่ล่วงลับไปแล้วปรารภถึงเจ้าที่เจ้าทางที่ทำงาน หรือผีบ้านผีเรือน ปรารภถึงเทวดาทั้งหลายแล้วก็ทำบุญอุทิศให้แก่ท่านเหล่านั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสไว้หลายที่หลายแห่งถึงการทำบุญให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่ออุทิศบุญให้แก่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ที่ต้องการบุญที่กำลังลำบากอยู่ในภพภูมินั้น ซึ่งไม่สามารถจะทำบุญได้ด้วยตัวเอง เมื่อทราบแล้วอนุโมทนาบุญ หากทุกข์อยู่ก็จะพ้นจากทุกข์ทันที ที่สุขอยู่แล้วก็จะเพิ่มพูนบุญขึ้นอย่างมากมาย
คนที่ใจบุญ คนที่ไม่ตระหนี่ควรปรารภเหตุนี้บ่อยๆ และทำบุญอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้นบ่อยๆ
คนที่ใจดีคนที่ใจบุญนอกจากช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในโลกทิพย์ได้อีกด้วย ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป คนที่ตระหนี่ถี่เหนียวคนที่ใจไม่ค่อยเป็นบุญ อันนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ทำอยู่แล้ว
อ้างอิง
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=3008&Z=3020
……weiter mit Dhamma Podcast Wat Dhammavihara Hannover