
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Therasutta III PM-1
ทบทวนธรรม
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่องเถรสูตร
คนชั่วที่ น่ากลัวกับคนดีที่ประเสริฐต่างกันแค่วิธีคิด
คนชั่วที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดมีลักษณะดังนี้
๑. มีประสบการณ์ชีวิตมามาก
๒. เป็นผู้มีชื่อเสียง มียศ มีอำนาจ มีตำแหน่งสูง มีเพื่อนพ้องบริวารมาก โดดเด่นได้รับการยอมรับในสังคมพระและคฤหัสถ์
๓. มีลาภสักการะมาก เป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก
๔. เป็นผู้มีความรู้มาก เป็นผู้แสวงหาความรู้อยู่เสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นผู้เข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้ง ทะลุปรุโปร่ง ไม่ติดขัดในธรรมใดๆ เลย
๕. แต่เขาเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง เขาพาคนประพฤติอธรรมด้วยความเข้าใจ ด้วยความมั่นใจอย่างสูงว่านี่คือการกระทำที่ถูกต้อง
มีคนมากมายเชื่อเขาเพราะมั่นใจในตัวเขาว่ามีประสบการณ์ในชีวิตมามาก เป็นคนมีชื่อเสียง มียศ มีอำนาจ มีบริวารมาก เป็นคนที่โดดเด่นในสังคม อีกทั้งเขาเป็นผู้มีทรัพย์สินมากมายมีความรู้มากมีการศึกษาสูง
คนที่พรั่งพร้อมด้วยลักษณะดังกล่าว เป็นคนที่สร้างความเสียหายให้แก่พระศาสนาและแก่ประเทศชาติมากมาย สังคมเราเดือดร้อนก็เพราะคนประเภทนี้
เพราะเขาเป็นมิจฉาทิฐิ คุณสมบัติสี่ข้อข้างต้น จึงเป็นเครื่องมืออันร้ายกาจมหาศาลของเขา คนที่เชื่อเขาก็ประพฤติปฏิบัติอย่างเขาเพราะมั่นใจในตัวเขาว่าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาเหล่านั้นคือมิจฉาทิฐิด้วยกันทั้งนั้น
เพราะเขามั่นใจในการกระทำของเขา จึงเห็นความเสื่อมโทรมความต่ำทราม ขององค์กรของสังคมว่าเป็นความเจริญรุ่งเรือง ในขณะเดียวกัน ความงามแห่งความถูกต้อง ความงามแห่งจริยธรรม ความงามแห่งธรรมะก็อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ คนเหล่านี้ ก็จะโทษคนที่ไม่เชื่อเขานั่นเองเป็นผู้สร้างความเสื่อมแก่สังคม
คนดีแบบมิจฉาทิฐิ ถึงปฏิบัติธรรม ก็ยิ่งห่างจากธรรม ยิ่งปฏิบัติกรรมฐาน ก็ยิ่งห่างจากธรรมกรรมฐาน
เรามีครูอาจารย์ผู้ทรงลักษณะดังกล่าวข้างต้น เราจึงเป็นอย่างท่าน แต่เราไม่รู้ตัวเองเลยว่าเรากำลังปฏิบัติเพื่อความเดือดร้อนแก่ตนเองและแก่สังคม เรามีหัวหน้า เรามีเจ้าของกิจการ เรามีผู้นำที่ทรงลักษณะดังกล่าว เราจึงปฏิบัติเพื่อเห็นแก่ตัวด้วยความเข้าใจว่าเราใจกว้าง เรามีความคิดทำลายตัวเองทำลายผู้อื่น แต่เราก็เข้าใจว่าปฏิบัติถูกต้องที่สุด เพราะความถูกต้องของเรานี้เอง สังคมจึงเดือดร้อน แต่เราก็ยังมั่นใจว่าเราทำถูกต้อง
เพราะความมั่นใจด้วยลักษณะดังกล่าว เราจึงเป็นคนหน้าด้านที่สุดในมาดของผู้ดี ในมาดของคนดี ในมาดคนน่าเลื่อมใส ระบบสังคมตั้งแต่ระดับครอบครัวจนถึงระดับชาติจะติดขัดไปหมด เดินไปข้างหน้าตะกุกตะกัก
คนดีแบบนี้น่ากลัวมาก
คนอันธพาลเราเห็นชัดเพราะนิสัยการกระทำของเขาหยาบ แต่คนมิจฉาทิฏฐิในมาดของครูอาจารย์ เจ้านาย หัวหน้า ผู้นำ เพื่อน ที่ทรงลักษณะดังกล่าว ยากนักที่จะเห็นชัดได้ หากเราไม่ใช่เป็นคนผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ
กรรมย่อมส่งผลให้เราห่างจากธรรมที่แท้จริง เหินห่างออกไปเรื่อยๆ กว่าจะตั้งหลักได้ เสียเวลาไปหลายภพชาติ ระหว่างเสียเวลานั้น เราอาจจะไปใช้เวลาในนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน
ส่วนคนดีที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็มีคุณลักษณะเหมือนคนชั่วสี่ประการข้างต้นเหมือนกัน ต่างกันที่ความคิดคือข้อที่ห้าเท่านั้น ที่คนดีจริงๆนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ
เหตุแห่งทิฏฐิ คือความเห็นอันเกิดจากการคิด
๑. กรรมเก่าเป็นตัวกำหนดให้เราเป็นมิจฉาทิฐิหรือสัมมาทิฏฐิ ว่าเราเคยใช้ชีวิตแบบใดมาก่อน นอนเนื่องอยู่ภายในจิตของเราตั้งแต่เกิด
๒. สภาพแวดล้อมปัจจุบัน คือเรามีกัลยาณมิตรเป็นตัวหล่อหลอมความคิดหรือเรามีคนพาลเป็นตัวหล่อหลอมความคิดของเรา พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง ครูบาอาจารย์ล้วนเป็นสภาพแวดล้อมปัจจุบันทั้งสิ้น
อ้างอิง
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=22&siri=88
……..weiter mit Dhamma Podcast Wat Dhammavihara Hannover