Buddhadhamma Tepitaka Therasutta IIII  PM
Buddhadhamma Tepitaka Therasutta IIII PM
popularity:0
  • Description

Buddhadhamma Tepitaka Therasutta IIII PM

ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก

เรื่องเถรสูตร

คนที่ทำประโยชน์แก่สังคมได้มาก

คนที่จะทำประโยชน์ได้มากที่สุดมีลักษณะดังนี้

๑. มีประสบการณ์ชีวิตมามาก

๒. เป็นผู้มีชื่อเสียง มียศ มีอำนาจ มีตำแหน่งสูง มีเพื่อนพ้องบริวารมาก โดดเด่น ได้รับการยอมรับในสังคมพระและคฤหัสถ์

๓. มีลาภสักการะมาก เป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก

๔. เป็นผู้มีความรู้มาก เป็นผู้แสวงหาความรู้อยู่เสมอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นผู้เข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้ง ทะลุปรุโปร่ง ไม่ติดขัดในธรรมใดๆ เลย

๕. เป็นผู้มีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ

อธิบายธรรม

อันที่จริง คนดี จะเป็นคนที่บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นโดยนิสัย เพราะนิสัยของคนดีจริงๆ คือตนเองจิตใจงาม มีผู้อื่นเป็นสถานที่แสดงความงามแห่งจิตของตน หากคนดีมีจิตงามเฉพาะตนเอง จะเป็นความดีที่แคบ คับที่ เหมือนดอกไม้งามหอมอยู่กลางป่าทึบ ไม่มีสรรพสัตว์ใดเห็นหรือสัมผัสเลย หรือถูกเก็บไว้ในห้องมืด ความงามและหอมของดอกไม้ ก็ถูกความเหี่ยวเฉาทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์

คนดีจริงๆ คือคนที่มีผู้อื่น สิ่งอื่นเป็นสถานที่แสดงออกแห่งความดีนั้น จะแสดงบทบาทแห่งความดีได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศักยภาพของตน

คนที่จะแสดงบทบาทแห่งความดีได้มาก ทำความดีได้มาก ทำประโยชน์ได้มาก ต้องพร้อมด้วยคุณสมบัติ ดังกล่าวข้างต้น

๑. ประสบการณ์ชีวิตมาก

คนดีมีประสบการณ์ชีวิต จะเต็มไปด้วยการศึกษา การเรียนรู้ เพื่อรู้อะไรดีอะไรไม่ดี อะไรมีประโยชน์อะไรไม่มีประโยชน์ อะไรมีโทษอะไรไม่มีโทษ

ส่วนคนที่มีประสบการณ์ชีวิตนานอีกประเภทหนึ่ง คือคนโง่ ถูกประสบการณ์หลอกให้หลงในประสบการณ์ จะหลงตนว่าเกิดก่อน เกิดนาน รู้โลกมาเยอะ แต่เขาไม่รู้อะไรดีอะไรชั่วเลย กลายเป็นคนเต็มไปด้วยทิฏฐิมานะ เป็นคนมีประสบการณ์ที่น่ารังเกียจที่สุด

๒. ชื่อเสียง ยศ อำนาจ บารมี เพื่อนพ้องบริวาร

เป็นฐานในการขยายความดีให้กว้างขึ้นของคนดี ประโยชน์ที่จะเกิดแก่สังคม แก่ประเทศชาติ แก่ชาวโลก ก็มากยิ่งขึ้น

๓. มีทรัพย์มาก

คนดีที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย จะเป็นพลังให้ทำประโยชน์ดีงามได้ง่าย ได้คล่อง รวดเร็ว กว้างไกลออกไป ขยายขอบเขตแห่งความดีออกไปไม่สิ้นสุด

๔. มีความรู้มาก ใฝ่รู้อยู่เสมอ ฉลาดในการใช้ความรู้

ความรู้คือขุมทรัพย์ที่ปัญญาจะหยิบยื่นใช้ได้ง่าย ยิ่งมีความรู้มากเท่าใด ปัญญาก็จะคล่องแคล่วว่องไวในการหยิบออกใช้ ปัญญายิ่งใช้ความรู้บ่อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคม คมจนตัดกิเลสได้ และรู้ทุกสรรพสิ่ง

๕. ปัญญาสัมมาทิฏฐิ

การรู้กลไกธรรมชาติตามที่มันเป็น คือปัญญาสัมมาทิฏฐิ นอกจากรู้กลไกธรรมชาติแล้ว ก็บังคับคุณลักษณะ ๔ ประการ ข้างต้นให้ไหลไปในส่วนที่พัฒนา สร้างสรรค์ และรู้วิธีในการใช้คุณลักษณะ ๔ ประการเป็นฐานให้พ้นจากกองกิเลสได้ด้วย

และรู้วิธีในการชักชวนหมู่ชนทั้งหลายให้เดินทางในเส้นทางที่ถูกต้อง งดงาม และประสบกับประโยชน์สุขมากที่สุด

เมื่อมีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว จะไม่ปล่อยเวลาของชีวิตหรือเวลาของร่างกายซึ่งมีอยู่น้อยนิดนี้ให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่ยังไม่บรรลุอรหันต์ จะไม่ย่อท้อ เหินห่างจากบุญเด็ดขาด

ลักณะนิสัย ๕ ประการ นี้ มีอยู่กับผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ประเสริฐ ทำประโยชน์แก่สังคมได้มากและงดงาม มีอยู่กับพระรูปใด รูปนั้นก็จะประกาศหลักธรรมที่สะอาดถูกต้อง พาพุทธบริษัทบรรลุประโยชน์งดงามได้มาก

จึงแตกต่างจากคนดีที่ประสบการณ์ชีวิตน้อย ๑ คนดีที่ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์ ไร้ญาติขาดเพื่อนพ้อง ๑ คนดีที่ยากจน ๑ คนดีที่ไร้ความรู้ ๑ คนดีที่แม้มีปัญญาเป็นสัมมาทิฏฐิ ๑ ก็ทำประโยชน์ได้น้อย จึงเป็นคนดีเฉพาะตน ถึงอย่างไรก็เป็นคนดี ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ตนแก่ผู้อื่น

คนดีอีกประเภทหนึ่ง เป็นคนดีเหมือนกัน คือ มีประสบการณ์ชีวิตก็พอสมควร ๑ ไร้ยศศักดิ์ เพื่อนพอมีบ้าง ถือคติเพื่อนรู้ใจไม่ต้องมีมาก คน สองคนก็พอ ๑ ทรัพย์ก็พอมีบ้าง ถึงไม่มากก็พออยู่ได้ ๑ ความรู้ก็พอมีบ้าง ๑ ปัญญาก็เป็นสัมมาทิฏฐิบ้าง ๑ คนดีประเภทนี้ จะเป็นคนดีตอนที่ตนเองอยากเป็นคนดี แล้วแต่อารมณ์ อาจจะไม่ใช่คนชั่วแต่ก็เสี่ยงที่ถูกจูงลงสู่ความชั่วได้ง่าย

ส่วนคนดีครึ่งๆกลางๆ อาจมีลักษณะข้างต้นครบทั้ง ๕ ประการ แต่ครึ่งๆกลางๆ จะเป็นคนชั่วได้ง่าย หากมีอารมณ์มาโน้มน้าว

ในบรรดาความดีทั้งหมดนั้น สัมมาทิฏฐิเป็นหัวหน้า หากไร้ปัญญานี้แล้ว เราจะคิดเอาว่า เราทำถูก เราทำเหมาะดี

อ้างอิง

https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=22&A=2618

ย่อหน้าที่ ๒

You may also like...

Popular Articles...