
- Description
Buddhadhamma Tepitaka Ekapada Jataka
ชวนโยมเรียนพระไตรปิฎก
เรื่อง เอกปทชาดก
ทำสิ่งเดียวเกิดผลหลายอย่าง
เล่ากันมาว่า กุฎุมพีผู้หนึ่งชาวกรุงสาวัตถี วันหนึ่ง บุตรน้อยของเขานั่งอยู่บนตัก แล้วได้ถาม อัตถทวาร วิธีจะประสบความสำเร็จในชีวิต เขาตอบปัญหาลูกไม่ได้ คิดว่า ปัญหานี้เป็นพุทธวิสัย คนอื่นจักไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ จึงพาบุตรไปเชตวันมหาวิหาร ถวายบังคมพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เด็กน้อยคนนี้นั่งอยู่บนตักของข้าพระองค์ ได้ถามปัญหาชื่อ อัตถทวาร ข้าพระองค์ไม่ทราบคำตอบของปัญหานั้นจึงมา ณ ที่นี้ ข้าแต่พระองค์ ขอพระองค์ตรัสตอบปัญหานี้ด้วยเถิด
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก ทารกนี้เป็นผู้แสวงประโยชน์ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้เมื่อก่อนก็เป็นผู้แสวงหาประโยชน์ได้ถามปัญหานี้กะบัณฑิต แม้โบราณกบัณฑิตก็ได้บอกแก่ทารกนั้นแล้ว แต่เขาจำไว้ไม่ได้ เพราะภพชาติขั้น บังไว้ แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐี ครั้งนั้น กุมารน้อยผู้เป็นบุตรของพระโพธิสัตว์ถามขึ้นว่า พ่อจ๊ะ พ่อบอกได้ไหมว่า ทำอย่างเดียวแต่สำเร็จได้หลายอย่าง ต้องทำอย่างไรจ๊ะ
(บาทคาถาว่า
คุณพ่อครับ เหตุอย่างเดียวทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างมีอยู่หรือไม่ ลูกจะพึงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยเหตุใด ขอคุณพ่อจงบอกเหตุนั้น ซึ่งรวมประโยชน์ได้หลายอย่างแก่ผมเถิด)ทีนั้น บิดาตอบว่า ลูกเอ๋ย เหตุอย่างหนึ่งคือความขยันหมั่นเพียร ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง เพราะความขยันหมั่นเพียรนั้น ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยขันติ อาจทำมิตรทั้งหลายให้ถึงความสุข หรืออาจทำศัตรูทั้งหลายให้ถึงความทุกข์ได้
อธิบายธรรม
บทบทหนึ่ง คือความขยัน ได้แก่ความเพียรอันประกอบด้วยญาณ บุคคลผู้เฉลียวฉลาด มีศีล คือยึดระเบียบกติกา ก็สามารถสร้างกิจการของตนให้สำเร็จได้ ก็ความเพียรนี้นั้น ต้องเป็นความเพียรที่ประกอบด้วยอาจาระคือมารยาทแบบแผนที่ดีงามและมีศีลด้วย พรั่งพร้อมด้วยอธิวาสนขันติ อดทน อดกลั้น ไม่หุนหันพลันแล่น ยอมความเห็นต่างได้ ใจกว้างเปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่น ทนต่อคนดูถูกด่าว่าได้ ไม่เอาความคิดของตนไปยัดเยียดแก่ผู้อื่น มิตรสหายเป็นสุขเป็นสุขได้ แต่ความเพียรที่ประกอบด้วยคุณธรรมดังกล่าว ย่อมความทุกข์แก่อมิตรทั้งหลายได้
ผู้ประกอบด้วยกุศล วิริยะ พรั่งพร้อมด้วยญาณอันจะยังลาภให้บังเกิด ถึงพร้อมด้วยอาจารขันติ จะสามารถยังมิตรให้เป็นสุข หรือยังอมิตรให้เป็นทุกข์ก็ได้ พระโพธิสัตว์กล่าวแก้ปัญหาแก่บุตรฉะนี้ บุตรนั้นได้ยังประโยชน์ของตนให้สำเร็จตามนัยที่บิดาบอก ดำรงชีพไปตามยถากรรมแล้ว พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจธรรม ทรงประชุมชาดก
ครั้นจบสัจจธรรม บิดาและบุตรดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
บุตรในครั้งนั้น ได้มาเป็น บุตรคนนี้ นี่แหละ
ส่วนเศรษฐีกรุงพาราณสี คือ เราตถาคต นี้แล
เพิ่มเติม
ความขยัน คือเทพเจ้าที่สามารถเสกสรรค์ทุกอย่างให้เราได้ ต้องเป็นความขยันที่ประกอบด้วยปัญญาและคุณธรรมอื่นที่กล่าวแล้วเท่านั้น
พระพุทธเจ้าเน้นความเพียร ที่เป็นปัญญา อาจาระ(มายาทงาม) ศีล อธิวาสนขันติ ที่เน้นธรรมะประกอบความเพียรด้วย ก็เพื่อให้รู้ว่าเราเพียรอย่างฉลาด ไม่ใช่ขยันแล้วโง่ หรือโง่แล้วขยัน ปัญญาคือวิสัยทัศน์ของนักบริหาร คุณธรรม คือผู้ที่จะทำกิจการใหญ่โตได้ ต้องมารยาทงาม ระเบียบงาม ศีลงาม และต้องอดทนสูงกว่าคนเพื่อนร่วมงาน อดทนสูงกว่าลูกน้อง จึงเป็นที่น่ารักเป็นที่เกรงใจของเพื่อนร่วมงาน เป็นที่ไว้ใจของลูกค้า
คนโง่ ขยัน คุณธรรมน้อย แม้เป็นผู้บริหาร เจริญยาก รุ่งเรืองยาก อย่างมากประคองกิจการ องค์กร ให้ผ่านพ้นไปอย่างไรก็ได้ หรือในแบบเราเท่านั้น
จะทำอะไรก็ตาม อย่างไรก็มีคนรักมีคนชัง ที่อาจจะทิ่มแทงด้วย กาย วาจา หากเราไม่มีอธิวาสนขันติ ก็จะพากิจการ หรือทำงานให้รอดพ้น ให้เจริญไม่ได้ คนอารมณ์ร้อน จะสร้างอุณหภูมิ บรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยความร้อน
คนขยัน มีปัญญา มีอาจาระงาม มีศีล มีอธิวาสนขันติ เป็นหัวหน้า เป็นลูกน้องที่ประเสริฐมาก
อ้างอิง
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=325